ขึ้นชื่อว่า “เพชร” เรามักจะรู้จักเพชรว่ามีสีขาว มีความแวววาว แต่เพชรที่เกิดจากธรรมชาติเมื่อเกิดการปนเปื้อนของแร่ธาตุต่างๆจะทำให้เกิดสีขึ้น ซึ่งเพชรแต่ละสีจะมีมูลค่าที่ต่างกันไปตามความหายากและความใสของเนื้อเพชร
สีเพชรมีกี่สี
เพชรมีหลายสี ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาขณะก่อตัวเป็นเพชร ซึ่งแต่ละสีก็จะมีต้นกำเนิดต่างกันและมีมูลค่าที่กันด้วย
1.เพชรสีชมพู
สีชมพูจัดเป็นสีเพชรที่หายากที่สุดในบรรดาเพชรสีทั้งหมด จึงทำให้เพชรสีชมพูมีราคาสูงกว่าเพชรไร้สีมากถึง 20 เท่า ยิ่งมีสีชมพูเข้มยิ่งราคาสูง เพชรสีชมพู 1 กะรัตอาจมีราคาตั้งแต่ 100,000-1,000,000 ดอลลาร์ ได้เลยทีเดียว เพชรสีชมพูขึ้นชื่อในเรื่องของการเจียระไนที่ยาก ใช้นานกว่าเพชรใสประมาณ 3-4 เท่า
2.เพชรสีส้ม
เป็นสีเพชรที่เกิดจากไนโตรเจนอยู่ในโครงตาข่ายคาร์บอนของเพชร ส่งผลให้เพชรมีสีส้มแดงไปจนถึงสีส้มเหลือง ที่พบส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็ก มีน้ำหนักน้อยกว่า 6 กะรัต สำหรับเพชรสีส้มที่มีความบริสุทธิ์มากที่สุดจะถูกเรียกว่า PUMPKIN DIAMONDS (เพชรฟักทอง) รองลงมาก็จะเป็น PINKISH ORANGE ซึ่งเป็นสีส้มที่มีสีรองเป็นสีชมพู
3.เพชรสีดำ
เกิดจากโครงสร้างผลึกแบบลูกบาศก์หรือแบบไอโซเมตริก ประกอบด้วยผลึกสีดำชิ้นเล็กๆ จำนวนหลายล้านชิ้นเชื่อมเข้าด้วยกัน สำหรับค่าความแข็งของเพชรสีดำจะอยู่ที่ระดับ 10 ส่งผลให้เจียระไนยากกว่าเพชรสีอื่น แต่มีราคาที่ถูกเพราะไม่เป็นที่ต้องการของตลาด เพราะในหลายพื้นที่เชื่อกันว่าสีดำเป็นสีของความอัปมงคล
4.เพชรสีม่วง
เป็นสีเพชรที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากเพชรเม็ดนั้นมีปริมาณไฮโดรเจน (HYDROGEN) , อาจเกิดจากความผิดปกติทางโครงสร้างในโครงสร้างผลึกที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างธาตุต่างๆ หรืออาจเกิดจากการที่เพชรเม็ดนั้นทนต่อแรงกดดันมหาศาลระหว่างกระบวนการผลิตก็ได้ ปัจจุบันพบเพชรสีม่วงน้อยมาก โดยสีม่วงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะเป็นสีลาเวนเดอร์ สีอิลิอัก และสีพลัม
5.เพชรสีเหลือง
เกิดจากการปะปนของไนโตรเจน จัดเป็นสีเพชรที่หายากมากหากเทียบกับเพชรขาว 1 ล้านกะรัต จะมีเพชรเหลืองเพียง 100 กะรัตเท่านั้น แต่เพชรสีเหลืองเองก็เป็นเพชรที่พบได้บ่อยที่สุดโดยคิดเป็นประมาณ 60% ของเพชรสีทั้งหมด ยิ่งเพชรมีสีเข้มเท่าไหร่ก็ยิ่งมีราคาสูงมากขึ้นเท่านั้น
จากข้อมูลทำให้เราทราบว่าเพชรนอกจากจะมีสีใสแล้วยังมีเพชรสีอื่นๆอีก ซึ่งก็มีมูลค่าสูงแตกต่างกันไป สามารถนำมาทำเครื่องประดับได้อย่างสวยงาม